สายเทรดทองต้องอ่าน! อัปเดตภาษีปี 2025 กำไรแค่ไหนไม่โดนเรียกย้อนหลัง

เจาะลึกระเบียบภาษีใหม่ปี 2025 สำหรับนักเทรดทอง ทั้งทองแท่ง แอปออมทอง และ Gold Futures พร้อมวิธีคำนวณกำไรและการยื่นภาษีที่ถูกต้องเพื่อป้องกันค่าปรับย้อนหลัง

สายเทรดทองต้องอ่าน! อัปเดตภาษีปี 2025 กำไรแค่ไหนไม่โดนเรียกย้อนหลัง

สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว ThaiMangkang ทุกคน วันนี้วันที่ 26 ธันวาคม 2025 อีกไม่กี่วันก็จะก้าวเข้าสู่ปีใหม่กันแล้ว เชื่อว่าในปีที่ผ่านมา หลายคนคงจะยิ้มแก้มปริกับราคาทองคำที่พุ่งทะยานทำ All-Time High ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สร้างความมั่งคั่งได้ดีที่สุดของปี แต่ในขณะที่เรากำลังฉลองกำไรจากการเทรด สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนมือโปรจะลืมไม่ได้เลยคือเรื่องของ 'ภาษี' ครับ เพราะกรมสรรพากรในยุคดิจิทัล 2025 นี้ เขามีระบบตรวจสอบที่เข้มข้นกว่าเดิมมาก โดยเฉพาะกฎระเบียบใหม่ๆ ที่เริ่มบังคับใช้ในช่วงปี 2024-2025 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสายเทรดทองทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทองแท่ง Gold Futures หรือการเทรดผ่านแอปพลิเคชันต่างประเทศ

วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดและการจัดเก็บภาษีล่าสุด

ในปี 2025 นี้ บริบทของการลงทุนทองคำเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่ใช่แค่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของ 'ความโปร่งใสทางภาษี' ครับ กรมสรรพากรได้เชื่อมโยงข้อมูลกับสถาบันการเงินและแพลตฟอร์มการลงทุนมากขึ้น ทำให้การหลบเลี่ยงภาษีทำได้ยากขึ้นกว่าเดิม นี่คือ 5 ประเด็นสำคัญที่คุณต้องรู้ก่อนปิดงบปีนี้ครับ

  • การจัดเก็บภาษีจากรายได้ต่างประเทศ (New Rule 2024-2025): สำหรับใครที่เทรดทองผ่านแอปฯ ต่างประเทศ หรือโบรกเกอร์นอก กฎเกณฑ์ที่เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2024 ได้ระบุชัดเจนว่า หากคุณเป็นผู้อยู่ในประเทศไทยเกิน 180 วัน และนำเงินกำไรจากการลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาในไทย ไม่ว่าจะนำเข้ามาในปีภาษีเดียวกันหรือไม่ คุณมีหน้าที่ต้องนำรายได้นั้นมารวมคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งปี 2025 นี้คือปีแรกที่เราต้องยื่นภาษีจากฐานข้อมูลที่เข้มงวดนี้อย่างเต็มรูปแบบครับ
  • กำไรจาก Gold Futures และสิทธิ Final Tax: การเทรดทองในตลาด TFEX ของไทยนั้น กำไรที่ได้มักจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 15% ซึ่งนักลงทุนหลายคนยังสับสนว่าต้องเอาไปรวมยื่นภาษีปลายปีไหม? คำตอบคือคุณมีสิทธิเลือกครับ (Final Tax) หากฐานภาษีเงินได้ปกติของคุณสูงกว่า 15% การยอมให้หักจบไปเลยจะคุ้มกว่า แต่ถ้าคุณเพิ่งเริ่มเทรดและมีรายได้ไม่มาก การนำมารวมคำนวณอาจได้ภาษีคืนครับ
  • แอปออมทองและ Digital Gold: การเทรดทองผ่านแอปฯ ในไทย (เช่น Gold Now, เป๋าตัง) ที่ได้รับความนิยมสุดๆ ในปี 2025 ส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อขายทองแท่งดิจิทัล ซึ่งตามกฎหมายไทย 'กำไรจากการขายสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้มุ่งหากำไร' อาจได้รับยกเว้น แต่สรรพากรเริ่มเข้ามาเพ่งเล็งว่า หากมีการซื้อมาขายไปบ่อยครั้ง (Day Trade) จะถือเป็นการ 'มุ่งหากำไร' หรือไม่ ซึ่งอาจถูกจัดเป็นเงินได้ประเภท 40(8) ได้ครับ
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT 7%) กับทองคำ: เพื่อนๆ หลายคนกังวลเรื่อง VAT ในการซื้อทองคำแท่ง 96.5% หรือ 99.99% ยังคงได้รับยกเว้น VAT ครับ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ 'ค่ากำเหน็จ' หรือบริการฝากทองบางรูปแบบที่มีการเรียกเก็บ VAT แยกต่างหาก ซึ่งส่วนนี้ไม่สามารถเลี่ยงได้
  • การแลกเปลี่ยนข้อมูลอัตโนมัติ (AEOI/CRS): ประเทศไทยได้เข้าร่วมการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติกับนานาชาติ ดังนั้น ข้อมูลกำไรจากการเทรดทองในต่างประเทศจะถูกส่งกลับมาที่กรมสรรพากรไทยโดยอัตโนมัติ การคิดว่าจะซ่อนเงินไว้ในพอร์ตต่างประเทศจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีอีกต่อไปในปี 2025 นี้ครับ

ผลกระทบต่อนักลงทุนไทยและสิ่งที่จะเกิดขึ้น

จากกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดขึ้น ผลกระทบที่เห็นชัดที่สุดในปี 2025 คือ 'ต้นทุนแฝง' ของการเทรดที่สูงขึ้นครับ ไม่ใช่แค่ค่าธรรมเนียม (Fee) หรือส่วนต่างราคา (Spread) แต่เป็นภาษีที่คุณต้องกันสำรองไว้ประมาณ 5-35% ตามฐานภาษีของแต่ละคน นักเทรดสาย Scalping ที่เน้นรอบสั้นอาจจะพบว่ากำไรที่ดูเหมือนเยอะ เมื่อหักภาษีแล้วอาจเหลือเพียงน้อยนิด หากไม่มีการวางแผนภาษีที่ดีพอ

นอกจากนี้ พฤติกรรมการเทรดจะเปลี่ยนไปสู่การ 'ลงทุนระยะยาว' มากขึ้น หรือการใช้เครื่องมือทางภาษีอื่นๆ มาช่วยลดหย่อน เพราะการเทรดทองแบบเข้าไวออกไวเริ่มถูกมองว่าเป็นอาชีพ (Income) มากกว่าการออมเงินเพื่อรักษามูลค่าทรัพย์สิน ทำให้ความเสี่ยงในการถูกประเมินภาษีแบบเหมาหรือแบบเต็มจำนวนมีมากขึ้นครับ

สรุปและคำแนะนำ (Actionable Advice)

การเป็นนักเทรดที่มั่งคั่งอย่างยั่งยืนในยุค 2025 ไม่ได้วัดกันที่กำไรบนหน้าจอ แต่ดูลึกไปถึงกำไรสุทธิหลังหักภาษี (Net Profit After Tax) ครับ เพื่อให้เพื่อนๆ เทรดได้อย่างสบายใจ ผมมีคำแนะนำส่งท้ายดังนี้ครับ:

  1. จดบันทึกประวัติการเทรด (Trade Log): อย่าพึ่งพาแค่ระบบของแอปฯ ให้จดบันทึกราคาซื้อ-ขาย และวันที่โอนเงินเข้า-ออกให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการคำนวณต้นทุนแบบ FIFO (First-In, First-Out) หรือ Average ตามที่สรรพากรยอมรับ
  2. แยกบัญชีเทรดและบัญชีใช้จ่าย: เพื่อให้ง่ายต่อการพิสูจน์ที่มาของรายได้เมื่อถูกตรวจสอบ และช่วยให้คุณเห็นภาพรวมว่า 'กำไรที่แท้จริง' ของคุณคือเท่าไหร่กันแน่
  3. ศึกษาเรื่อง DTA (Double Tax Agreement): หากคุณเทรดทองในต่างประเทศ ให้เช็คว่าประเทศนั้นมีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับไทยหรือไม่ เพื่อป้องกันการเสียภาษีสองต่อ
  4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนสิ้นปี: หากคุณมีกำไรหลักล้านจากการเทรดในปีนี้ การสละเงินเพียงเล็กน้อยจ้างนักบัญชีหรือที่ปรึกษาภาษีจะช่วยประหยัดเงินได้มหาศาล และลดความเสี่ยงจากค่าปรับที่อาจสูงถึง 1-2 เท่าของภาษีที่ค้างชำระ

สุดท้ายนี้ ขอให้เพื่อนๆ ทุกคนมีความสุขกับการเทรดทองในปี 2026 ที่กำลังจะมาถึง มั่งคั่งทั้งทรัพย์สินและความรู้ และอย่าลืมว่า 'ภาษีที่จ่ายถูกต้อง คือความสบายใจที่แพงที่สุด' ครับ พบกันใหม่บทความหน้าทาง ThaiMangkang.com ครับ!