COT คืออะไร? เจาะลึกรอยเท้า 'เจ้ามือ' ในตลาดทองคำ สิ่งที่ต้องรู้ก่อนสิ้นปี 2025
ทำความรู้จัก COT Report เข็มทิศสำคัญที่ช่วยให้นักลงทุนทองคำมองเห็นการเคลื่อนไหวของรายใหญ่ วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดทองคำล่าสุดส่งท้ายปี 2025 พร้อมกลยุทธ์การเทรด
คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาเราตัดสินใจกด 'Buy' ทองคำปุ๊บ ราคามักจะกลับตัวลงทันที หรือพอเราทนไม่ไหวต้อง 'Cut Loss' ปั๊บ ราคาก็ดีดตัวกลับขึ้นไปอย่างน่าเจ็บใจ? เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ แต่มันคือการต่อสู้กันระหว่าง 'รายย่อย' กับ 'รายใหญ่' ในตลาดโลกที่มีสภาพคล่องมหาศาล และคำถามที่สำคัญกว่านั้นคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกกองทุนระดับโลกหรือธนาคารยักษ์ใหญ่เขากำลังคิดอะไรอยู่? คำตอบซ่อนอยู่ในรายงานที่ชื่อว่า COT หรือ Commitment of Traders Report ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่นักลงทุนทองคำระดับอาชีพต้องดูทุกสัปดาห์
วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดล่าสุด (24 ธันวาคม 2025)
ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2025 นี้ ตลาดทองคำโลกกำลังอยู่ในภาวะที่น่าสนใจอย่างยิ่งครับ หลังจากที่ราคาทองคำได้ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 จากวิกฤตความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อและการปรับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สถานการณ์ปัจจุบันราคากำลังอยู่ในช่วง 'Consolidation' หรือการพักฐานเพื่อรอเลือกทางในต้นปีหน้า ข้อมูลจากรายงาน COT ล่าสุดแสดงให้เห็นว่ากลุ่ม 'Managed Money' หรือกองทุนเฮดจ์ฟันด์เริ่มมีการลดสถานะ Net Long ลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณของการทำกำไรในช่วงปลายปี แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มธนาคารกลางและผู้ผลิต (Commercials) ยังคงรักษาสถานะป้องกันความเสี่ยงอย่างเหนียวแน่น ซึ่งหมายความว่าตลาดยังคงมีความกังวลต่อความผันผวนในระยะยาว
การวิเคราะห์ในวันนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของราคาบนกราฟเทคนิคัลเท่านั้น แต่เป็นการมองเข้าไปใน 'ไส้ใน' ว่าเงินก้อนใหญ่กำลังไหลไปทางไหน นี่คือ 7 ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ COT ที่จะเปลี่ยนมุมมองการเทรดทองคำของคุณในปี 2026 ที่กำลังจะมาถึง
- COT Report คืออะไรกันแน่?: COT ย่อมาจาก Commitment of Traders เป็นรายงานที่จัดทำโดย Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ของสหรัฐฯ ออกอากาศทุกวันศุกร์ (เวลาสหรัฐฯ) เพื่อแสดงสถานะการถือครองสัญญาฟิวเจอร์สในตลาดต่างๆ รวมถึงทองคำด้วย มันคือการ 'เปิดไพ่' ให้เราเห็นว่าใครถือหน้า Long (ซื้อ) หรือ Short (ขาย) อยู่เท่าไหร่
- การแยกประเภทผู้เล่น (The Big Players): ในรายงานจะแบ่งคนเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1. Commercials (ผู้ประกอบการจริง เช่น เหมืองทอง ธนาคาร) 2. Non-Commercials (นักเก็งกำไรรายใหญ่ เช่น กองทุน) และ 3. Non-Reportable (รายย่อยอย่างเราๆ) การเข้าใจว่าใครกำลังไล่ราคาหรือใครกำลังทุบราคาจะช่วยให้เราไม่หลงทิศทาง
- Commercials คือ 'Smart Money': โดยปกติกลุ่มผู้ผลิตและธนาคารมักจะมีมุมมองที่แม่นยำที่สุดเกี่ยวกับมูลค่าที่แท้จริงของทองคำ เมื่อกลุ่มนี้เริ่มเปิดสถานะ Long สวนทางกับราคาที่ร่วงลง นั่นคือสัญญาณบอกใบ้ว่า 'ของถูก' กำลังจะมาถึง
- Non-Commercials คือ 'ตัวขับเคลื่อนเทรนด์': กองทุนใหญ่ๆ มักเทรดตามเทรนด์ หากเราเห็นสถานะ Net Long ของกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าเทรนด์ขาขึ้นยังแข็งแกร่ง แต่ถ้ามันสูงจนถึงระดับ Extreme (สูงสุดในรอบหลายปี) ให้ระวังการกลับตัว เพราะแสดงว่าทุกคนซื้อไปหมดแล้ว ไม่มีใครเหลือมาไล่ราคาต่อ
- Open Interest กับความน่าเชื่อถือ: การดูแค่ราคาขึ้นอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูว่าสถานะคงค้าง (Open Interest) เพิ่มขึ้นด้วยไหม ถ้าราคาขึ้นแต่ Open Interest ลดลง แสดงว่าเป็นการปิดสถานะ Short (Short Covering) ไม่ใช่การซื้อใหม่จริงๆ ซึ่งเทรนด์แบบนี้มักจะไม่ยั่งยืน
- สัญญาณ Divergence ระหว่างราคาและ COT: หากราคาทองคำทำ High ใหม่ แต่สถานะ Long ของรายใหญ่ใน COT กลับลดลง (Divergence) นี่คือสัญญาณเตือนภัยสีแดงว่าพายุการเทขายกำลังจะมา
- ความล่าช้าของข้อมูล (Lagging Indicator): ต้องเข้าใจก่อนว่าข้อมูล COT ที่ออกมาในวันศุกร์ เป็นข้อมูลของวันอังคารที่ผ่านมา ดังนั้นเราต้องใช้มันเป็นตัวยืนยันภาพรวม (Sentiment) มากกว่าจะใช้หาจุดเข้าซื้อขายแบบเป๊ะๆ ในรายนาที
ผลกระทบต่อนักลงทุนไทย
สำหรับพี่น้องนักลงทุนทองคำชาวไทย ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ที่ออมทองผ่านแอปพลิเคชัน หรือเทรดเดอร์มือโปรในตลาด Gold Online Futures รายงาน COT มีผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนและโอกาสของคุณครับ ในภาวะที่ค่าเงินบาทปี 2025 ยังคงมีความผันผวน การรู้ทิศทางทองคำโลกจาก COT จะช่วยให้คุณวางแผนได้ดีขึ้น เช่น หากเห็นรายใหญ่เริ่มเทขายทองคำใน COT แม้ราคาทองในไทยจะยังดูแข็งแกร่งเพราะบาทอ่อน แต่นั่นคือสัญญาณเตือนให้คุณลดพอร์ตเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการที่ราคาทองโลกอาจดิ่งลงแรงจนฉุดราคาทองไทยตามไปในที่สุด
นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลปลายปีแบบนี้ ความต้องการทองคำกายภาพในไทยและเอเชีย (Physical Demand) มักจะสูงขึ้น แต่หากรายงาน COT ฝั่งสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเป็นลบ (Bearish) นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ 'ทยอยสะสม' มากกว่าการ 'ไล่ซื้อตาม' เพราะแรงขายจากตลาดฟิวเจอร์สระดับโลกมักมีอิทธิพลมากกว่าความต้องการในประเทศเสมอ
สรุปและคำแนะนำ (Actionable Advice)
การเข้าตลาดทองคำโดยไม่ดูรายงาน COT ก็เหมือนกับการเดินข้ามถนนโดยไม่มองรถที่กำลังวิ่งมาครับ แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เครื่องมือวิเศษที่บอกจุดสูงสุดต่ำสุดได้แม่นยำ 100% แต่มันคือการวิเคราะห์เชิงคุณภาพที่ทำให้เราเห็นว่า 'เงินก้อนใหญ่ในโลก' กำลังเดิมพันกับอะไร สำหรับกลยุทธ์ในช่วงรอยต่อปี 2025-2026 นี้ ผมขอแนะนำดังนี้:
- ตรวจสอบสถานะ Extreme: ก่อนตัดสินใจลงทุนก้อนใหญ่ ให้เช็คว่าสถานะ Long ของกลุ่ม Managed Money อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หรือไม่ ถ้าใช่ ให้ชะลอการซื้อไว้ก่อน
- สังเกตการกลับตัวของ Commercials: หากราคาลงมาลึกๆ และกลุ่มผู้ผลิตเริ่มปิดสถานะ Short และหันมา Long นั่นคือโอกาสทองสำหรับการถือยาว
- ใช้ควบคู่กับ Technical Analysis: อย่าใช้ COT เพียงอย่างเดียว ให้หาแนวรับแนวต้านสำคัญในกราฟร่วมด้วย เพื่อหาจุดเข้าที่ได้เปรียบที่สุด
สุดท้ายนี้ จำไว้เสมอว่าทองคำคือทรัพย์สินที่ปลอดภัยในระยะยาว แต่ในระยะสั้นมันคือสนามรบของข้อมูลข่าวสาร การเป็นนักลงทุนที่มั่งคั่งคือการเป็นนักลงทุนที่ขยันหาความรู้และวิเคราะห์ข้อมูลให้ลึกกว่าคนอื่น แล้วพบกันใหม่ที่ thaimangkang.com กับบทความวิเคราะห์เจาะลึกแบบนี้ครับ!